พื้นไม้ (wood flooring) ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งคนไทยนิยมใช้ไม้มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เนื่องด้วยไม้ในอดีตเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ปลูกทดแทนได้ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำพื้นเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้สัก เป็นต้น สามารถนำมาใช้ได้ทั้งบ้านไม้ และบ้านปูน
กรณีเป็นบ้านไม้ก็จะใช้วิธีตอกยึดกับคานไม้ แต่ทว่าปัจจุบันนิยมสร้างบ้านปูนกันมาก โดยทำการเทพื้นคอนกรีตก่อน จากนั้นปูพื้นไม้ทับไปอีกทีด้วยกาวสำหรับงานปูพื้น เนื้อไม้จะให้ผิวสัมผัสที่สบายเท้า สีสันอบอุ่น ดูหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ปัจจุบันนี้ไม้เริ่มหายากจึงมีราคาที่สูงมาก บ้านที่นิยมนำไม้มาเป็นวัสดุปูพื้นจึงมักเป็นบ้านหรู Luxury หรือบ้านชาวบ้านที่นำไม้ปลูกเองในชุมชนมาใช้งาน ส่วนบ้านทั่วไปนิยมใช้วัสดุทดแทนไม้ หรือไม้เทียมนั่นเองประเภทของไม้ พื้นไม้ (wood flooring)
พื้นไม้ (wood flooring) แบ่งชนิดของไม้ออกเป็น 2 ประเภท คือ ไม้เนื้อแข็ง หรือ Hard wood และไม้เนื้ออ่อน หรือ Soft wood โดยไม้ที่มีใบกว้างเราจะเรียกว่าเป็นไม้เนื้อแข็ง ในขณะที่ไม้ที่มาจากพืชตระกูลสนเราจะเรียกว่า ไม้เนื้ออ่อน ซึ่งในความเป็นจริง ไม้ในกลุ่มหลังนี้ก็มีความแข็งที่สามารถจัดเข้ากลุ่มแรกได้ สำหรับในประเทสไทยได้มีการแยกประเภทไม้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นตามลักษณะความแข็ง แรงของไม้ดังนี้
ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีวงปีกว้างมาก เนื่องจากเป็นไม้โดเร็ว ลำต้นใหญ่ เนื้อค่อนข้างเหนียว แต่ทำงานได้ง่าย เนื้อไม้มีสีจางหรือ ค่อนข้างซีด อาทิ ไม้กระบาก ไม้ยาง ไม้ฉำฉา ไม้เหียง ไม้โมก ไม้กระท้อน ไม้ยมหอม ไม้จำปาป่า ไม้สนต่างประเทศ เหมาะกับงานในที่ร่มหรืองานชั่วคราว งานตกแต่ง และเครื่องมือเครื่องใช้
ไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่มีวงปีมากกว่าไม้เนื้ออ่อน เพราะมีการเจริญเติบโตช้ากว่า คือต้องมีอายุหลายสิบปี จึงจะนำมาใช้งานได้ ลักษณะทั่วไปของไม้จะมีเนื้อมัน ลายละเอียด เนื้อแน่น สีเข้ม (แดงถึงดำ) มีน้ำหนักมาก แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้สัก ไม้ตะแบก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ เป็นต้น เหมาะสำหรับงาน เฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้างบ้าน และเครื่องมือ
ไม้เนื้อแกร่ง เป็นไม้ที่มีการเจริยเติบโตช้ามาก จึงทำให้ วงประจำปีถี่มากกว่าไม้สองชนิดแรก คือ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 60-70 ปีขึ้นไปจึงจะนำมาใช้งานได้ เนื้อไม้มีสีเข้มค่อนข้างแดง น้ำหนักไม่มาก แต่แข็งกว่าไม้เนื้อแข็ง ไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างหรือเป้นโครงสร้าง อาทิ คาน ตง เสา ได้แก่ ไม้แดง ไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียน ไม้มะค่าโมง ไม้พยุง ไม้เต็ง
วัสดุไม้จริงที่นิยมนำมาทำเป็นพื้นบ้านได้แก่
ไม้มะค่าโมง
ถือเป็นไม้อีกชนิดที่นิยมมากเพราะเนื้อไม้มีความแข็งแรงมาก ไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมแดงและมีเส้นลวดลายไม้ชัดเจนสวยงาม นิยมนำมาปูพื้นไม้ พื้นบันได สมัยปัจจุบันไม้มะค่าโมงค่อนข้างหายากและมีราคาแพง ซึ่งบางส่วนถูกนำเข้ามาจากแอฟริกา แต่สีของไม้จะไม่สวยและเข้มเท่าไม้มะค่าในประเทศ
ไม้เต็ง
เนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อน มีความแข็งมากจึงตัดแต่งค่อนข้างยาก ถ้าตัดมาทิ้งไว้นานๆ สีจะเข้มขึ้น ไม้ชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานภายนอก เช่น ตง เสา ประตูหรือพื้นระเบียงภายนอก เพราะว่าทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ พี้นไม้เทียม แต่เมื่อหดตัวมักแตกเป็นลายงา
ไม้รัง
คุณสมบัติไม้ชนิดนี้จะคล้ายๆ ไม้เต็งคือเหมาะกับการใช้งานในส่วนที่ต้องเจอแดดเจอฝน เนื้อไม้ละเอียดปานกลางถึงหยาบแต่มีความแข็งแรงมาก มีสีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อไม้ เมื่อแห้งแตกค่อนข้างน้อย แต่ในปัจจุบันไม้รังค่อนข้างหายากและมีราคาแพงมากจึงไม่เป็นที่นิยมเท่ากับไม้ชนิดอื่นๆ
ไม้แดง
ไม้แดงมีความแข็งแรงทนทานทำให้ตัดตกแต่งหรือเจาะยาก แต่จะมีผิวลายไม้ที่ชัดเจนสวยงาม